July 16, 2015 | ธุรกิจขั้นเทพ, ธุรกิจออนไลน์
บทความนี้เป็นบทความพิเศษที่ตั้งใจทำขึ้นมาเพื่อ บอกเล่าถึงการทำงานของโลกออนไลน์ที่มีความสำคัญกับทุกธุรกิจไม่ว่าธุรกิจนั้นจะเล็กหรือใหญ่ เมื่อไม่นานมานี้มีโอกาสได้ไปสัมภาษณ์ผู้หญิงเก่งคนนึงเปิดสถาบันสอนนวดหน้าที่เปิดกี่รอบก็มีคนมาเรียนเต็มทุกรอบ ผู้หญิงคนนี้ทำได้ยังไง ใช้วิธีอะไร มาลองติดตามกันดู
ขอเล่าประวัติของผู้หญิงเก่งคนนี้นิดนึง ประวีณ์นุช กิติวัฒนบำรุง พี่บี หรือ ครูบี นักธุรกิจและคุณครูผู้เมตตาแห่งสถาบันสอนนวดหน้าเรียวอันดับหนึ่งของประเทศไทย “สถาบันพราวิเนีย” (Pravinia)
IM: “ดูแลตัวเองให้มีสุขภาพที่ดีและทำให้คนรอบข้างมีความสุขได้อย่างไร“
พี่บี: “ดูแลตัวเองนี่จากเดิมหน้าพี่บาน กลมบล๊อกเลยนึกออกเปล่า จะเห็นว่าภาพก่อนหลังของพี่ในพราวีเนียนี่คือหน้าจริงไม่ใช่ภาพแต่งนะ เป็นคนหนึ่งที่มาจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ไม่มีความรู้เรื่องความงาม ร้านทำผมก็ไม่เข้า แต่งหน้าก็ไม่แต่ง เล็บก็ไม่ทา แต่พอมาทำธุรกิจความงาม มันถึงต้องดูแลตัวเองมากขึ้น พอเรารู้ศาสตร์นี้(ศาสตร์นวดหน้า) เราก็เริ่มประเมินค่าตัวเองในปัจจุปัน ถ้าคุณจะมุ่งเข้าไปในธุรกิจความงาม คุณต้องหาทุกวิธีในการพัฒนาตัวเองเข้าสู่ธุรกิจความงามให้ได้”
“ระหว่างที่พี่กำลังพัฒนาตัวเองเข้าสู่ธุรกิจความงาม พี่ก็ต้องเรียนเรื่องศาตร์ความงามด้วย เพราะฉะนั้นเนี่ย เมื่อพี่เรียนรู้พี่ก็เริ่มดูแลตัวเอง ทำให้รู้ว่าผู้หญิงไม่มีคำว่าขี้เหร่ มีแต่ขี้เกียจ กับไม่รู้ พอพี่รู้พี่ก็ไม่ขี้เกียจ เพราะวันนี้เราต้องเป็นพรีเซนเตอร์ของสินค้าเราของบริษัทเรา นึกภาพพี่บีหน้าบาน หน้ากลม แล้วมาเปิดสอนนวดหน้าเรียวมันก็ไม่ได้ใช่ไหม เสร็จแล้วพอเรารู้เทคนิค เรารู้ศาสตร์เราก็ดูแลตัวเอง บอกได้เลยว่าหน้าเรียว หน้าเล็กได้จริง ด้วยมือตัวเอง คือเปลี่ยนขนาดนี้บางคนอาจจะสงสัยว่า เฮ้ย ไปทำโบท็อกมาหรือเปล่า ไปร้อยไหม ไปทำฟิวเลอร์ให้หน้าตัวเองเปลี่ยนหรือเปล่า พี่จะบอกทุกคนในห้องเรียนว่า ถ้าหาหลักฐานได้ว่ามีชื่อพี่อยู่ในคลีนิคความงามที่ไหนพี่ให้ล้านหนึ่ง นี่ท้ามาจะ 2 ปีแล้ว ”
“ส่วนเรื่องคนรอบข้าง เราต้องปรับบวกให้เขา คือวันนี้เวลามีคนนั่งบ่นนั่งเล่าพี่ฟังก็จริงนะ แต่พี่คิดว่าไงรู้มั้ย คือจะปรับบวกเขายังไง สมมุติบางคนมีเรื่องมานินทา เขานินทาคนนั้นนินทาคนนี้เราก็เออออไป ทำให้เขามีความสุข สุดท้ายเราก็ต้องปรับบวก เพราะวันนี้เนี่ยการที่เราดูแลคนรอบข้าง บางทีเราเห็นเขาสุขกายสบายใจ เราจะเห็นไม่ได้ป่วยไม่ได้อยู่โรงบาล แต่ส่วนใหญ่เขาจะมีปัญหาด้านแนวคิดด้านจิตใจ เพราะฉะนั้นเวลาพี่จะดูแลส่วนใหญ่พี่ก็จะดูแลเรื่องทัศนคติ แล้วในขณะเดียวกันใครอยู่กับพี่เนี่ยพี่มีอยู่ทัศนคติหนึ่งที่จะมอบอยู่ตลอดเวลาก็คือการเป็นคนดี ซึ่งนี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ทีมงานพราวีเนียค่อนข้างจะเกาะกันแน่น การทำให้พวกเขาทำงานด้วยความสุข คือเขาเชื่อว่างานที่เขาทำเขากำลังทำงานด้วยแล้วก็ได้บุญด้วย เวลาลูกศิษย์ถามคำถามมาแล้วเขาตอบลูกศิยย์เอาไปแก้ปัญหาได้พอกลับมาที่เขา เขาจะมีความสุขไง มันเป็นลูปของความสุขไง เงินมันไม่ใช่คำตอบทั้งหมด สุดท้ายความสุขตรงนั้นน่ะมันจะทำให้เขารู้สึกพอ พอเขารู้สึกพอปุ๊บ ความสุขก็จะตามมา คืออันนี้คือหลักที่พี่จะดูแลคนรอบข้าง”
IM: “ถ้าไม่รู้อายุปัจจุปันของตัวเอง คิดว่าตัวเองอายุเท่าไหร่“
พี่บี: “ตอนนี้อายุเท่าไหร่ไม่บอก แต่คนส่วนใหญ่มักจะบอกว่าอายุสามสิบเศษๆ ส่วนอายุสมองไม่รู้ว่ามั่นใจตัวเองมากไปรึป่าวนะ เพราะมีบ้างช่วงที่มันสะสมมากกว่าคนอื่นในวัยเดียวกัน อาจจะแบบศักยภาพสมองสาววันเกษียณ ส่วนหน้าเนี่ยเหมือนสามสิบ แต่สมองเหมือนหกสิบโอเคนะ” ^^
IM: “3 อุปสรรคใหญ่ๆหรือความล้มเหลวที่สามารถเปลี่ยนเป็นโอกาสได้ “
1
พี่บี: “คู่แข่งโจมตี ของเขาประสบการณ์ยาวนาน เป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านความงามนี้มาไม่ต่ำกว่า 20-30 ปี แต่พราวีเนียพึ่งเกิดมาปี 2 ปี ตอนนั้นก็คิดเยอะนะ ก็เลยมาลองนึกๆดู ว่าเราสามารถเปลี่ยนข้อด้อยของเราให้มาเป็นจุดเด่นได้ไหม ข้อด้วยของเราคือเรามีประสบกาณ์น้อย มาจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างแล้วริอาจจะมาสอนความงาม เป็นใครใครก็ไม่อยากเรียนเนอะ แต่เรามาคิดว่า อ้อ ข้อดีของเราคือตอนที่เราไปเรียน เราเคยโง่มาก่อน คือโง่แบบ 0 เลยนะ พอเรามาเรียนจนเราเป็น จนเราเก่งแล้ว เรายังจำได้ว่าคนโง่รู้สึกยังไง คนโง่สงสัยตรงไหน แล้วเวลาเราถ่ายทอดออกมาเราก็ต้องถ่ายทอดออกมาสำหรับคนที่ไม่มีพื้นฐานหรือเคยโง่อย่างเรา เพราะฉะนั้นนี่ก็เลยเป็นจุดเด่นของพราวีเนีย พี่ก็เลยพลิกวิกฤตเป็นโอกาส พราวีเนียเลยเป็นสถาบันเดียวที่ออกแบบการสอนแบบง่ายๆเหมาะกับคนที่ไม่มีพื้นฐานก็ยังทำได้ นี่เป็นจุดเด่นที่พี่บีพลิกอันที่ 1 แล้วเมื่อเราพลิก เราประกาศไปแบบนั้น”
2
“มันมีเคสอีกอันหนึ่งที่พี่บีพลิกให้มันเป็นโอกาส ก็คือสถาบันเวลาคนเปิดสอนขึ้นมาเขาบอกว่าสอนนวดหน้าเรียว คนที่เข้ามาเรียนเขาก็ตั้งใจจะไปเรียนเพียงแค่เอาแค่ศาสตร์ถูกไหม แต่พี่บีพลิกอีกอันหนึ่งก็คือว่าสวยไม่พอต้องรวยเวอร์ด้วย คอร์สทั่วไปเขาก็จะโฟกัสตรงแค่ว่าเอาไปๆเอาความรู้ไปก็คือจบ แต่สำหรับเราเนี่ยไม่ใช่แค่ให้คุณได้เทคนิคไป เราให้วิชาชีพคุณไปพร้อมกับเทคนิคในการสร้างความร่ำรวยซึ่งที่อื่นไม่มี นี่คือจุดเด่น เราสอนการหาลูกค้าทางอินเตอร์เน็ต เฟซบุ๊ค มีทีมงานที่จะนั่งจับมือทำร้านค้าออนไลน์เลย อายุ 50 กว่า ทำไม่เป็นไม่เป็นไร สต๊าฟนั่งทำให้ สุดท้ายเมื่อได้ร้านค้าแล้ว สอนการโปรโมต การโปรโมตไม่ยากแล้ว ก็ทำให้ดู อย่างน้อยคุณกลับไปคุณก็ได้ร้านค้าออนไลน์กลับบ้าน ทั้งๆที่คุณยังไม่เปิดร้านเลยแต่อาจจะมีลูกค้าติดต่อมา อันนี้คืออันที่ 1 อันที่ 2 เนื่องจากว่าความคาดหวังของพราวีเนียนั้นไม่ใช่ให้ตัวเรารวย ไม่ใช่ให้สถาบันเรารวย ความคาดหวังของพราวีเนียคือเราต้องการให้ลูกศิษย์เรารวย ยิ่งลูกศิษย์เรารวยแล้วเดิบโตมากแค่ไหนชื่อเสียงมันก็กลับมาที่สถาบันแล้วเราก็เติบโต”
3
“อีกตอนหนึ่งคือตอนนั้นพราวีเนียก็ยังเริ่มต้น ยังไม่เกิดเลย ตอนนั้นเราก็กลัวว่า เฮ้ย เราสอนนวดหน้าเรียว 1 วันเราคิดราคายังไงตอนนั้นเราก็คิดว่าเออเอาถูกๆไว้ก่อน เราก็โพสนะเฟซบุ๊ค เริ่มต้นเราก็ใช้บูตโพสเฟซบุ๊คแฟนเพจเลยในการเริ่มต้น ค่าเรียน 500 บาท ก็มีคนสมัครมา โอนตังมาเลยนะ 500 เราก็ดีใจ มา 6 คน แต่พอถึงเวลามาแค่ 4 คน อีก 2 คนโอนตังแล้วไม่โผล่มาเลย เราก็เลยสงสัยว่าเขาคงคิดว่าราคามันถูกเกินไป ถ้าถูกอย่างนี้คือ 1 ดีจริงไหม 2 คุณมีหมกเม็ดขายอะไรขายของอะไรต่อหรือเปล่า เราก็เลยคิดว่าทุกวันนี้เรารู้แล้วว่าการตั้งราคาถูกไม่ใช่ปัจจัยที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจ วันนี้ในการทำอะไรก็ตามต้องตั้งราคาให้เหมาะสมกับคุณค่าของตัวเอง ถ้าคุณตั้งราคาถูกแปลว่าคุณกำลังประเมินตัวเองต่ำ ตอนนี้พี่ก็เลยพลิกกลับมาแล้ว พี่รู้แล้วว่าราคามันต้องเป็นยังไง คือวิธีการตั้งราคาพี่ต้องเช็คในตลาด เมื่อเช็คในตลาด เมื่อเช็คในตลาดเรียบร้อยแล้วน่ะ ราคาเราสามารถแพงกว่าในตลาดได้นะ แต่คุณต้องให้มากกว่าคนอื่น ให้มากกว่าคู่แข่งและคุณต้องแตกต่างกว่าเขา คำว่าดีกว่าและแตกต่างจากคู่แข่งทำให้คุณสามารถที่จะตั้งราคาเท่าไหร่ก็ได้ ตอนนี้พี่เห็นเลยว่าถูกกลายเป็นไม่ดีน่ะ
IM: “ขอ 1 ประโยคจากประสบการณ์ของคุณที่ฝากถึงผู้ที่เป็นผู้ประกอบการ“
พี่บี: “ตอนที่ทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างได้เงินเดือนนึงเป็นสิบล้าน โอนเงินเข้าวันนึงเป็นแสนเป็นล้าน ตอนนั้นรู้สึกเงินทองหาง่ายมาก ฉันเลือกอาชีพถูก ออกรถเบนซ์ ไปเมืองนอก ออกกระเป๋าหลุยซ์ สบายมาก พอวันนึงวิกฤษชีวิต ตู้มมมม จบ คิดดูสิว่าตอนลืมตาตื่นขึ้นมารู้ว่าบ้านนี้ไม่ใช่ของเรา แต่มันก็เริ่มมองเห็นสัจธรรมว่าทุกอย่างไม่มีตัวตนจริงๆนะ ก็เลยอยากจะฝากผู้ประกอบการไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตาม อย่ามีอาชีพเดียว วันนี้คุณอาจจะมีอาชีพเดียวได้แต่ถ้าตอนนี้อาชีพคุณนิ่งแล้ว คุณต้องมองหาอีกอาชีพหนึ่ง วันนี้อาชีพที่ทำอยู่อาจจะตายคุณยังมีอีกอาชีพรองรับ แต่ไม่ควรจะกระโดด เช่นสมมติว่า ทำรับเหมาก็ไม่ควรโดดมาทำความงาม”
“อย่างตอนนี้ศาสตร์ของพี่นิ่งแล้วก็ข้ามอุสหากรรมมาทำครีม เป็นการต่อยอดธุรกิจ อย่างตอนนี้พราวิเนียใช้ยี่ห้อคนอื่นอยู่เราไม่อาจจะคุมคุณภาพของคนอื่นได้ คุมสต็อกก็ไม่ได้ เราเลยจะมียี่ห้อใหม่ของเราออกมา แต่ไม่ได้ออกมาพร้อมพราวิเนีย เพียงแต่ครีมยี่ห้อของพี่รอพร้อมที่จะออก รอผู้ผลิตโออีเอ็มที่มีคุณภาพ เนื่องจากอยู่วงการนี้มา 2 ปีแล้ว รู้ว่าใครเจ๋ง ไม่เจ๋ง ตอนนี้มีพาร์เนอร์ที่เขามีศักยภาพมากพอที่จะพา พราวี่(ครีมของพราวิเนีย) โกอินเตอร์ได้ แล้วคุณภาพของเขาเป็นแนวออแกนิกใช้ธรรมชาติหมดเลย”
“อย่ามีอาชีพเดียว มองข้ามอุสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับอาชีพเดิม นี่เป็นสิ่งที่พี่จะฝากไว้ให้กับผู้ประกอบการทุกคน”
สรุปกลยุทธ์ของการทำธุรกิจของพราวิเนีย ตอน 1 คือ
1.ดูแลตัวเองให้เหมาะกับหน้าที่การงาน ถ้าธุรกิจความงามต้องทำตัวเองให้งาม
2.ดูแลตัวเองและคนรอบข้างให้มีความคิดที่ดีเป็นคนดี เงินเป็นส่วนหนึ่งแต่ไม่ใช่ทั้งหมด
3.ทำให้ง่ายและแตกต่างเข้าไว้ บางครั้งถ้าทำอะไรเหมือนคนอื่นก็ไม่เติบโต
4.มอบคุณค่าให้มากขึ้น ไม่ใช่ มอบความรู้แล้วจบกัน ถ้าลูกศิษย์มีมากขึ้น เราก็ดังขึ้น
5.อย่าประเมินราคาตัวเองต่ำเกินไป ถ้าสิ่งที่เราทำมีคุณค่ามากพอก็เรียกให้สมราคา
6.อย่ามีอาชีพเดียว เมื่อธุรกิจนิ่งแล้วให้มองหาธุรกิจต่อไป
ทั้งหมดที่เล่ามามีกลยุทธ์การทำออนไลน์เพียงนิดเดียวแต่ความรู้เพียบเลยใช่ไหม โปรดติดตามตอนที่ 2 ได้ที่นี่
พีรยา อังคะศิริวานนท์(เมย์)
สัมภาษณ์
ภาณุพงศ์ ศุภะรัชฏเดช(อู๋)
แกะเทป เรียบเรียง