November 23, 2014 | ขายความรู้, ธุรกิจออนไลน์, พัฒนาชีวิต
ไปงานสัมมนาเรื่องการทำ Ebook ของ Ookbee มา ได้ความรู้มากมายในการทำอีบุ๊ค
สรุปเรื่องราวที่ พี่หมู CEO ของ Ookbee ได้เล่าไว้คือ
อุบุ๊คในประเทศไทยยังมีโอกาสที่จะเติบโตได้ค่อนข้างสูง
ตอนนี้ทาง Ookbee จึงสร้างเวปให้กับนักเขียนที่อยากมีผลงาน สามารถขายหนังสือได้เองเลยในเวป ซึ่งทาง Ookbee จะไม่เก็บค่าใช้จ่ายใดๆ เลย
เมื่อเปรียบเทียบกับการทำหนังสือเป็นเล่มกับทำอีบุ๊ค การทำหนังสือเป็นเล่มจะมีค่าใช้จ่ายสูงมาก นักเขียนได้รับส่วนแบ่ง 10% ของยอดขายเท่านั้น ถ้าเนื้อหาไม่ดีจริงก็ไม่สามารถขายได้อีก แต่การทำอีบุ๊คทำครั้งเดียวเป็นไฟล์อัพโหลดขึ้นเท่านั้นคุณก็จะได้รับส่วนแบ่งประมาณ 60% ของราคาหนังสือ
ซึ่งตอนนี้ทาง Ookbee จะข้อเสนอในการทำอีบุ๊คคือ จะไม่เก็บค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิน เช่นแต่ค่าทำเนียมที่ถูกต้องถูกหัก คือ ทาง App ของ IOS หักไป 20-30% หักจากบัตรเครดิตอีก 4% และ ค่านายหน้า 10% นั้นหมายความว่านักเขียนจะได้รับรายได้จากหนังสือเต็มๆ แต่มีเงื่อนทาง Ookbee อีกนิดนึงคือ นักเขียนต้องเป็นคนช่วยขายด้วย นักเขียนก็จะได้ 10% ของค่านายหน้าคืนไป
สำหรับโอกาสใน Ookbee เรามีสมาชิกกว่า 8 ล้านคน และ ใช้จริงอยู่เกือบล้านคน และเราไม่ได้ทำแค่ในไทย แต่เรากำลังกระจายไปทั่ว AEC ในตอนนี้
ยิ่งสำหรับนักเขียนแล้ว ถ้าเอาขายในเวปของเรา ถ้านักเขียนสามารถขายได้ดี ก็จะมีโอกาสได้ออกหนังสือเป็นเล่มจริงให้กับสำนักพิมพ์ต่างๆ หรือ ถ้าไม่สนใจสำนักพิมพ์เราก็มีบริการทำเป็นเล่มให้นักเขียนเลย คิดไปถึงว่า ถ้าอยากให้ไปส่งลูกค้าให้ก็บอกมาเดี๋ยวทางทีมงานจะทำให้ เราคิดแค่ค่าใช้จ่ายของการผลิตเท่านั้น ยังมีอีกสำหรับบางเล่มเราก็จะรวมเข้าไปในบริการแบบบุฟเฟ่ของเราด้วย ถ้ามีใครอ่านหนังสือของนักเขียนมีกี่หน้าเราจะจ่ายค่าอ่านตามจำนวนคนที่อ่านด้วย เรายอมทุกอย่างเพื่อให้นักเขียนมีรายได้
แล้วจะทำยังไงให้ขายได้?
การทำหนังสือคือการสร้างเนื้อหาข้อมูลที่ส่งต่อให้กับคนอื่น เพราะฉะนั้นถ้านักเขียนทำหนังสือที่มีเนื้อหาที่ดีก็รับรองว่ามีคนซื้ออย่างแน่นอน
นอกจากนี้ทาง Ookbee ยังเปิดช่องทางสำหรับนักวาดภาพด้วย ใครที่สามารถในการวาดภาพแต่ไม่มีที่แสดงผลงาน ตอนนี้เราก็กำลังทำส่วนการ์ตูนขึ้นมาเพื่อดันนักวาดการ์ตูนให้ขึ้นมามีเชิดฉายในประเทศนี้หรือในโลกนี้
โอกาสมาหานักเขียนทุกคนแล้ว อย่ารอช้า สร้างผลงานเขียนที่ยอดเยี่ยดไปขายโดยไม่ต้องง้อสำนักพิมพ์กันเถอะ
เนื่องจากในงานนี้มีคุณแทป เจ้าของหนังสือ คิดจะไปดวงจันทร์ อย่าหยุดแค่ปากซอย คุณบอย วิสูตร เจ้าของหนังสือ หนังยางล้างใจ และ คุณโจ มณฑานี ตันติสุข ได้มาเปิดเผยความลับเกี่ยวกับการเขียนให้คนในงานฟัง